ความกังวลใจถึงผลที่จะตามมาของการมีเพศสัมพันธ์อาจเกิดขึ้นทั้งหญิงและชาย แต่ปัญหานี้ดูจะตกหนักที่ผู้หญิงมากกว่า สิ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะกังวลนั้นเป็นเรื่อง "ท้องโดยไม่ได้ตั้งใจ"
มากกว่าที่จะกลัวการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากคู่นอน ทั้งที่จริงๆ แล้วเรื่องท้องไม่ใช่ปัญหาเดียวที่สำคัญ เพราะการติดโรคทางเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะเอดส์ก็สำคัญไม่แพ้กันเลย
และประเด็นหลังนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งกับผู้หญิงและผู้ชายเท่าๆ กัน ถ้าหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีเชื้อก็สามารถที่จะติดต่อไปสู่อีกฝ่ายหนึ่งได้
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวเราและคู่ และยังช่วยทำให้ไม่ต้องกังวลใจหรือเป็นทุกข์ใจทั้งเรื่องท้องและการติดโรค นั่นก็คือ การใช้ "ถุงยางอนามัย"
เป็นที่รู้กันว่าอุปกรณ์คุมกำเนิดส่วนใหญ่นั้น ผลิตขึ้นโดยมุ่งไปที่ผู้หญิงเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นยาคุมกำเนิดแบบเม็ด ยาฉีดคุมกำเนิด หรือห่วงคุมกำเนิด ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่มุ่งไปที่
การป้องกันท้องแต่ไม่สามารถป้องกันเอดส์ ในขณะที่ถุงยางอนามัยเป็นอุปกรณ์การคุมกำเนิดอีกชนิดหนึ่งและเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ปลอดภัยจากการติดโรคเอดส์ได้มากที่สุด
และยังป้องกันท้องได้อีกด้วย แต่กลับเป็นสิ่งที่ผู้หญิงหลายคนไม่สนใจและให้คุณค่ากับมันน้อยเกินไปจนลืมนึกถึงความคุ้มค่าและความปลอดภัยที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตของตนเอง
หรือแม้แต่ผู้ชายเองก็มักจะไม่ค่อยนิยมชมชอบมันสักเท่าไรเพราะยังไปติดอยู่กับเรื่องไม่เป็นธรรมชาติ
ถึงเวลานี้แล้ว โลกหมุนเปลี่ยนพัฒนาไปมาก อยากให้พวกเราคนรุ่นใหม่หันกลับมาคิดกันใหม่ดีไหมว่า "ถุงยางอนามัย" เป็นเรื่องของคนสองคนที่ต้องพูดคุยและช่วยกันเตรียมไว้
เพราะการมีเซ็กซ์ที่ปลอดภัยไม่ใช่เรื่องน่าอาย แถมยังทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างมีสุขภาพทางเพศที่ดีอีกด้วย แค่เริ่มจากการใส่ใจ
ส่วนหลายๆคนที่กำลังวลว่า ใช้ถุงยางอนามัยไปแล้วจะมีสิทธิ์ท้องได้ไหม เรามีคำตอบให้ดังนี้ค่ะ
สาเหตุของการตั้งครรภ์จะมาจาดชกความล้มเหลวในการใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งย่อมนํามาซึ่งความหายนะอันใหญ่หลวง ที่หลายๆ คนเคยประสพมาแล้ว..ทําไมจึงเป็นเช่นนั้น
2. การใช้ถุงยางอนามัยไม่ถูกวิธี เช่น คลี่ออกทั้งหมดก่อนสวมใส่ การใส่ผิดด้าน การใส่ที่ไม่เว้นส่วนติ่งไว้ (คือดึงมาจนสุดไม่เหลือติ่ง) ไม่ไล่อากาศออกจากติ่งกระเปาะ
ถูกเล็บหรือของมีคม (กรณีให้สาวใส่ให้)
3. การนํากลับมาใช้ใหม่หลังจากที่ใช้ไปพักหนึ่งแล้วถอดออก การไม่จับขอบตอนถอนสมอ การใช้สารหล่อลื่นที่ไม่เหมาะสม หลั่งแล้วแช่นาน จนนกเขาหลับ
การใช้ไม่ถูกวิธีเหล่านี้นํามาซึ่ง การแตก รั่ว เลื่อนหลุดของถุงยางอนามัย หรือการการปนเปื้อนของน้ำอสุจิบริเวณช่องคลอด (หกปากถ้ำ)
4. การเลื่อนหลุดของถุงยางอนามัย แม้ได้ระมัดระวังอย่างดีแล้ว
ดังนั้นเราสามารถป้องกันปัญหาเหล่านี้ได้จากการเลือกถุงยางอนามัย
โดย นพ.ยุทธสิทธิ์ ธนพงศ์พิพัฒน์ ได้ให้คำแนะนำไว้ว่า
ก็คงต้องดูความมาตรฐานของถุงยางครับ สำหรับเรื่องมาตรฐานของถุงยางแต่ละยี่ห้อนั้น คงบอกยากครับ แต่ให้ลองสังเกตดูที่กล่องว่ามีเครื่องหมายรับรองคุณภาพมั้ย
ถ้ามีก็น่าจะใช้ได้ ยิ่งยี่ห้อที่เรารู้จักก็น่าจะดีกว่าครับ ส่วนขนาดนั้น ถุงยางอนามัยจะมีหลายขนาด ไม่ใช้ Free Size แบบที่หลายคนเช้าใจนะครับ ในเมืองไทยที่เห็นบ่อยๆ
จะมีขนาด 49 มม.และ 52 มม.ก็คงต้องเลือกให้พอดีกับ Size ของเราครับ บางชนิดอาจใส่สารฆ่าเชื้ออสุจิ เข้าไปด้วย แต่ไม่ได้ช่วยป้องกันโรคเอดส์เพิ่มขึ้น
แบบที่บางคนเข้าใจครับ ไว้เพิ่มคุมกำเนิดที่ดีขึ้นเท่านั้นครับ
จากนั้นก็ค่อยๆรูดถุงยางลงมาครับ จริงๆ ตรงนี้ในซองถุงยางจะมีบอกไว้แล้วครับ
หลังการใช้ จะต้องถอดถุงยางออกทันที โดยต้องระวังไม่ให้น้ำอสุจิกระเด็น หรือเลอะช่องคลอด เอาออกขณะที่อวัยวะเพศยังแข็งตัว ไม่ควรทิ้งไว้ในช่องคลอดจนอ่อนตัว
เพราะ อาจทำให้น้ำอสุจิรั่วออกมาได้ครับ
อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาวิธีใช้ถุงยางอนามัยให้รอบคอบก่อน และไม่ประมาททุกครั้งนะคะ ครั้งๆต่อๆไปจะไม่มีความกังวลอีกแน่นอนค่ะ
ขอบคุณที่มา: teenpath.net และ women.mthai.com
0 comments :
Post a Comment