ในแบบสอบถามที่ถามผู้หญิงว่าทำไมจึงควร มีเซ็กซ์ พบคำตอบหลายหลาก ส่วนใหญ่ตอบว่าเป็นการแสดงความรัก อยากมีความสุข อยากตื่นเต้น อยากผูกพันกับแฟน ตนเองมีความต้องการ แฟนมีความต้องการ อยากมีลูก ฯลฯ แต่หากถามเหตุผลทางการแพทย์ เหตุผลดีๆ ที่ผู้หญิงควรจะมีเซ็กซ์มีดังนี้ค่ะ
1. เซ็กซ์ทำให้ผู้หญิงสวยขึ้น เพราะเซ็กซ์ไปกระตุ้นรังไข่ให้หลั่งฮอร์โมนเพศหญิง เอสโทรเจนเพิ่มขึ้น ผิวพรรณของคุณผู้หญิงที่มีเซ็กซ์เป็นประจำมักเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล ผมดกหนามันเป็นเงางาม ริ้วรอยบนใบหน้าเกิดช้า ทำให้ดูอ่อนเยาว์ งานวิจัยจากประเทศสก็อตแลนด์ พบว่าผู้หญิงที่มีเซ็กซ์ 4 ครั้งต่อสัปดาห์ จะดูอายุน้อยกว่าคนที่ไม่มีเซ็กซ์ 7-12 ปีทีเดียว
2. เซ็กซ์ลดความอ้วน การมีเซ็กซ์แต่ละครั้งนานประมาณ 30 นาที เท่ากับวิ่งทาง ไกลในระยะ 2-3 กิโลเมตร สามารถเผาผลาญพลังงานไปอย่างน้อย 85 แคลอรี่ ทั้งยังช่วยลดไขมันตัวร้าย เพิ่มไขมันตัวดี ทำให้หุ่นดี ไร้ไขมันส่วนเกิน
3. เซ็กซ์ทำให้ผู้หญิงบุคลิกดีขึ้น นอกจากฮอร์โมนเพศหญิงเอสโทรเจนที่เพิ่มขึ้น เซ็กซ์ ยังเพิ่มฮอร์โมนเพศชาย DHEA (Dehydroepiandrosterone) และเทสทอสโทโรน(Testosterone) ทำให้คุณผู้หญิงคล่องแคล่ว ปราดเปรียว มั่นใจ ส่งผลให้บุคลิกดีขึ้น
4. เซ็กซ์สามารถลดอาการปวดประจำเดือน เหตุผลจากการเพิ่มของฮอร์โมน คอร์ติโคสเตอรอยด์จากต่อมหมวกไต ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สามารถต้านการอักเสบ ลดความเจ็บปวด นอกจากนั้นเซ็กซ์ยังเพิ่มฮอร์โมนออกซิโตซินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้ผู้หญิง ตกอยู่ในห้วงความรัก และฮอร์โมนแห่งความสุขเอ็นโดรฟีน ซึ่งรวมกันแล้วสามารถลดความเจ็บปวดได้ชะงัด
5. เซ็กซ์สามารถลดกลุ่มอาการก่อนเป็นประจำเดือน (PMS, Premenstrual syndrome) อาการ PMS นั้นเชื่อว่าเกิดเพราะมีการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนก่อนเป็นประจำเดือน คุณผู้หญิงร้อยละ 80 ที่มีประจำเดือนมักเคยเป็น แต่คนที่มีอาการรุนแรงจนต้องรักษาพบประมาณร้อยละ 50
กลุ่มอาการนี้ได้แก่ หงุดหงิด เบื่อ ซึมเศร้า เครียด วิตกกังวล กระวนกระวาย นอนไม่หลับหรือหลับมากไป ตัวบวม ไม่มีแรง ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหัว ปวดข้อ ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ท้องผูก ท้องเสีย กินไม่ได้ หรือกินไม่หยุดฯลฯ
ที่เซ็กซ์สามารถลดอาการ PMS ได้ เชื่อว่าเป็นผลของฮอร์โมนแห่งความรักออกซิโตซิน ฮอร์โมนต้านการอักเสบคอร์ติโคสเตอรอยด์และ ฮอร์โมนแห่งความสุขเอ็นโดรฟีนซึ่งสามารถลดความเครียด ลดความเจ็บปวดทางร่างกายลงได้
6.เซ็กซ์แก้ไขโรคไมเกรน จากฤทธิ์ของฮอร์โมนต้านการอักเสบคอร์ติโคสเตอรอยด์และ ฮอร์โมนแห่งความสุขเอ็นโดรฟีนซึ่งสามารถลดความเครียด ลดความเจ็บปวดทางร่างกาย ดังนั้นหากคุณปวดหัวด้วยโรคไมเกรน การมีเซ็กซ์อาจช่วยคุณได้
7. เซ็กซ์ทำให้ประจำเดือนมาปกติสม่ำเสมอ เพราะเซ็กซ์ทำให้รังไข่ทำงานดี ทั้ง ช่วยลดความเครียดจากผลของฮอร์โมนแห่งความสุขเอ็นโดรฟีน จึงทำให้ประจำเดือนมาปกติตามกำหนด ผลพลอยได้คือ สามารถคุมกำเนิดแบบนับวันได้ เนื่องจากรู้ว่าประจำเดือนจะมาเมื่อไหร่
8. เซ็กซ์ป้องกันโรคมีบุตรยาก จากผลของประจำเดือนมาสม่ำเสมอ ฮอร์โมนเพศดี ร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ จิตใจไม่วิตกกังวล ยิ่งมีความสุขในการมีเซ็กซ์ก็ทำให้มีเซ็กซ์ที่บ่อยครั้ง โอกาสตั้งครรภ์ก็มากขึ้นด้วย
9. เซ็กซ์ป้องกันโรคปัสสาวะเล็ด เป็นที่ทราบดีว่าการขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน หรือที่เรียกว่า Kegel exercise ทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานพีซี (Pubococcygeus muscle) แข็งแรง กล้ามเนื้อพีซีนี้ห่อหุ้มช่องคลอด ทวารหนัก และหูรูดรูปัสสาวะ การมีเซ็กซ์เป็นการบริหารกล้ามเนื้อพีซีโดยตรง ส่งผลให้ช่องคลอดแข็งแรง หูรูดรูปัสาวะแข็งแรง ลดและรักษาอาการปัสสาวะเล็ด
10. เซ็กซ์ป้องกันโรคขี้หลงขี้ลืม เนื่องจากเซ็กซ์ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น เลือด สูบฉีดขึ้นไปเลี้ยงสมอง ให้ออกซิเจนแก่สมอง เก็บเอาของเสียออกไปได้ดีขึ้น คุณผู้หญิงที่มีเซ็กซ์สม่ำเสมอมักมีความจำดี ไม่ขี้หลงขี้ลืม คิดอะไรก็ออก บอกอะไรก็เข้าใจง่าย
11. เซ็กซ์ป้องกันโรคหัวใจ เหตุผลเพราะเซ็กซ์คือการออกกำลังกายที่มีผลดีต่อหัวใจ ทำให้ไม่อ้วน ทำให้ไขมันตัวดีเพิ่มขึ้น สามารถลดความเครียด
12. เซ็กซ์ป้องกันโรคนอนไม่หลับ การมีเซ็กซ์ประดุจการรับประทานยานอนหลับ เซ็กซ์ป้องกันและรักษาผู้นอนหลับยาก จากการได้ออกกำลังกาย และได้ผ่อนคลายจากผลของฮอร์โมนออกซิโตซิน (Oxytocin)
13. เซ็กซ์ป้องกันโรคกระดูกพรุน จากผลของฮอร์โมนเพศหญิงเอสโทรเจน และฮอร์โมนเพศชายเทสทอสโทโรนที่ช่วยลดการสลายของกระดูก
14. เซ็กซ์ทำให้ผู้หญิงอายุยืนยาวและมีความสุข เป็นผลรวมจากข้อ 1-13 ค่ะ
14 ข้อนี้เป็นเหตุผลดีๆ ที่ผู้หญิงควรมีเซ็กซ์ แต่มีข้อแม้ค่ะว่าเซ็กซ์ดังกล่าวต้องเป็นเซ็กซ์ที่สอดคล้องกันระหว่างชาย หญิง เป็นเซ็กซ์ที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบ รวมทั้งเป็นเซ็กซ์ศีลธรรม ไม่เป็นเซ็กซ์ที่ได้มาจากการทำผิดศีลธรรมเช่นโกหกหลอกลวง ฉุดคร่า แย่งชิงสามีภรรยาผู้อื่น ฯลฯ มิฉะนั้นเซ็กซ์นั้นจะทำให้เกิดผลในทางตรงข้าม คือทำให้ชีวิตสั้นและเต็มไปด้วยความทุกข์
จาก : นิตยสารรักลูก
0 comments :
Post a Comment